วันพุธที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2553

ข่าวสารประจำสัปดาห์ที่ 10

"กรณ์"เชียร์ซื้อหุ้นผ่าน"FB-Twitter"โอ่เงินนอกไหลเข้าดันดัชนีพุ่ง



"กรณ์ จาติกวณิช" อดใจไม่ไหวคุยโอ่ผลงานรัฐบาลดันดัชนีตลาดหุ้นพุ่งเท่าตัว จาก 440 เป็น 875 ก่อนเล่นบทนักวิเคราะห์เชียร์ซื้อหุ้นผ่าน "เฟซบุ๊ค" และ "ทวิตเตอร์" ตนเอง ระบุ "ไม่มีสาเหตุอะไรที่จะขึ้นต่อไปไม่ได้" เพราะ "เงินนอก" ไหลเข้าตลาดหุ้นต่อเนื่อง ดอกเบี้ยเพิ่ม ค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น

นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊คของตนเองเมื่อเวลา 21.16 น. วันที่ 9 ส.ค.โดยมีการโพสต์ภาพประกอบเป็นสถิติดัชนีตลาดหลักทรัพย์ย้อนหลังตั้งแต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้ยังมีการโพสต์บทความดังกล่าวผ่านทวิตเตอร์ของตนเองเวลาประมาณ 22.40 น. ที่ http://twitter.com/korndemocrat โดยระบุในบทความของตนที่ http://bit.ly/b0GS74 ระบุว่า

"จนถึงทุกวันนี้ ก็ยังจะมีคนถามผมว่า “ซื้อหุ้นตัวไหนดี” ผมก็ลำบากใจจริง ๆ เพราะพูดกี่ครั้งก็ไม่มีคนเชื่อว่าผมไม่รู้จริง ๆ และไม่ได้ซื้อขายหุ้นตั้งแต่สมัยเป็นฝ่ายค้าน"

"ความจริง “ข้อมูลภายใน” (หมายถึงข้อมูลที่นักลงทุนคนอื่นยังไม่ทราบ) เราที่กระทรวงการคลังมีอยู่แล้วครับ และนั่นคือเหตุผลที่ผมและทีมงานจะเล่นหุ้นกันไม่ได้ เพราะนอกจากจะไม่ยุติธรรมกับผู้อื่นแล้ว ยังผิดกฎหมายด้วย แค่เอาข้อมูลนี้ให้กับผู้อื่นโดยที่เราไม่ได้ประโยชน์อะไรโดย ตรง ก็ผิดแล้วครับ ... แต่ก็ยังจะมีคนคอยถามอยู่เรื่อย คงโกรธผมไปหลายคนแล้วว่า ทำไมใจดำ ไม่ยอมกระซิบบอกซะหน่อย"

"ความจริง ความผิดในเรื่องนี้ คนที่อยู่นอกวงการหุ้นจะไม่เข้าใจ เพราะนึกไม่ออกว่ามีใครเสียหายจากการใช้ข้อมูลภายใน จะมีคนพูดกับผมบ่อย ๆ ว่า “เอาน่า...บอกผมหน่อยคุณกรณ์ ไม่มีใครว่าอะไรหรอก” แต่สำหรับพวกเราที่อยู่ในวงการหุ้นมา โดยเฉพาะเหล่าโบรกเกอร์ทั้งหลายจะรู้ว่า การกระทำเช่นนี้ เป็นเรื่องต้องห้ามจริงๆ เพราะผู้เสียหายมีจริง เวลาคุณมีข้อมูลภายใน และคุณใช้ข้อมูลนั้นซื้อหุ้นตัวหนึ่ง ผู้ที่ขายให้คุณเขาเสียเปรียบเพราะเขาขายโดยที่มีข้อมูลน้อยกว่าคุณ และถ้าตลาดหุ้นไม่มีความเสมอภาค ขาดความเป็นธรรมก็จะไม่มีใครกล้ามาลงทุน"

"แต่ถ้าถามผมว่า ตอนนี้หุ้นน่าจะซื้อได้ไหม ผมคงตอบได้ครับว่า น่าจะได้ พูดไปแล้ว ก็ต้องบอกว่าถ้าเศรษฐกิจดี การเมืองไม่วุ่นวาย (เกินไป) หุ้นต้องขึ้นอยู่แล้ว และตั้งแต่เรามาเป็นรัฐบาล ดัชนีหุ้นก็ขึ้นไปจาก 440.40 จุด เป็น 875.07 จุด และไม่มีสาเหตุอะไรที่จะขึ้นต่อไปไม่ได้"

"แนวโน้มเงินนอก คงจะเข้าต่อเนื่องเพราะ
1. ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนดีกว่าที่คาดไว้เป็น ส่วนใหญ่
2. สถานการณ์ทางการเมืองที่ดีขึ้น น่าจะหมายถึงเวลาในการทำงานของรัฐบาลที่เพิ่มขึ้น โดยที่การเลือกตั้งน่าจะเกิดขึ้นในสภาวะปกติ
3. การส่งออกที่ดีขึ้นย่อมหมายถึง เงินบาทที่มีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้น จึงทำให้ความเสี่ยงการถือครองทรัพย์สินในไทยลดลงในสายตาของนัก ลงทุนต่างประเทศ
4. ปัจจุบัน ต่างประเทศมองว่า เงินบาทอ่อนกว่าที่ควรจะเป็นด้วยซ้ำไป
5. ดอกเบี้ยเริ่มปรับขึ้น ยิ่งทำให้น่าถือเงินบาทมากขึ้น โดยเฉพาะแนวโน้มดอกเบี้ยสหรัฐฯ ยังจะต่ำต่อไป
6. ผลสรุปของคณะกรรมการปฏิรูปช่วงปลายปี น่าจะส่งเสริมให้บรรยากาศการเมืองดีขึ้นด้วย"

"อย่างไรก็แล้วแต่ ต้องเตือนทุกครั้งครับว่า การลงทุนมีความเสี่ยง และในการลงทุนในตลาดทุนนั้น ผมมีหลักที่ใช้มาโดยตลอดคือ
1. อย่าคิดว่าเรา “เล่นหุ้น” แต่เป็นการซื้อส่วนหนึ่งของกิจการ เมื่อคิดได้เช่นนั้นก็ต้องทำความเข้าใจกับกิจการนั้น ๆ และที่สำคัญต้องสามารถเชื่อใจในความซื่อสัตย์ของผู้บริหาร สำหรับผมประเด็นนี้สำคัญที่สุดเสมอ
2. ความผันผวนในตลาดหุ้นเป็นโอกาส เพียงต้องรักษาสติ อย่าไปเต้นตาม
3. ผมเชื่อว่าประวัติศาสตร์มักจะซ้ำรอยเสมอ ใครที่บอกว่า “ครั้งนี้จะไม่เหมือนครั้งก่อน” คือผู้ที่กำลังจะพลาดท่าครั้งใหญ่
4. ทิ้ง 10% สุดท้าย (ทั้งตอนที่ซื้อและตอนที่ขาย) ให้คนอื่นเถอะครับ อย่าโลภ
5. อย่าซื้อหรือขายหุ้น เพียงเพราะหุ้นกำลังขึ้น หรือกำลังลง นั่นคือการ “เล่น” ตามกระแส ไม่ใช่การลงทุน
ตลาดหุ้นนั้น ถ้าบริหารจัดการให้ดี จะเป็นประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจได้มากครับ เพราะบริษัทต่างๆ จะระดมทุนไปลงทุน สร้างงาน สร้างรายได้ และนอกจากนั้น บริษัทในตลาดหุ้นจะเสียภาษีถูกต้องเป็นส่วนใหญ่ด้วยครับ"


ที่มา link

ข่าวสารประจำสัปดาห์ที่ 9

ผู้ก่อตั้งทวิตเตอร์: “ทวิตเตอร์ไม่ได้มีไว้ขาย!”




ในงานเปิดตัวทวิตเตอร์โมบายในประเทศญี่ปุ่น คุณ Biz Stone ผู้ก่อตั้งร่วมของทวิตเตอร์ได้กล่าวไว้ว่า “ทวิตเตอร์ไม่สนใจว่าใครจะมาซื้อ เรา [ทวิตเตอร์] ต้องการสร้างบริษัทที่น่าทึ่งด้วยมือของเราเอง

และเชื่อว่าเราสามารถทำตามเป้าหมายนั้นได้” เพื่อเป็นการยืนยันว่าจะไม่มีขายทวิตเตอร์อย่างแน่นอน

“Twitter is not interested in being acquired by a bigger company. We want to build an impressive company on our own and we believe that we can.”



ถึงแม้การขยายตัวของฐานลูกค้านั้นจะไม่ได้เพิ่มรายได้ให้กับผู้ก่อตั้ง กระนั่นนักวิเคราะห์ก็คาดว่าทวิตเตอร์นั้นมีมูลค่าถึง 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ในขณะที่มีข่าวลือหนาหูถึงการที่บริษัทใหญ่อย่างไมโครซอฟท์ กูเกิล หรือเฟซบุ๊กจะเข้าซื้ออยู่นั้น ผู้ก่อตั้งทั้งสองคือคุณ Biz Stone และคุณ Evan Williams ก็ได้เริ่มต้นธุรกิจผลิตไวน์ในชื่อ “Fledgling Wine” โดยร่วมมือกับโรงกลั่นไวน์ Crushpad ในเมืองซานฟรานซิสโก มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเงินที่ได้จากการขายส่วนหนึ่งจะนำไปสนับสนุนองค์กรไม่หวังผลกำไร Room to Read ที่จัดสร้างห้องสมุด โรงเรียน และให้ทุนสนับสนุนแก่นักเรียนหญิง ในพื้นที่ที่ขาดแคลนทั่วโลก โดยทั้งสองได้กล่าวว่าการสนับสนุนองค์กรดังกล่าวจะส่งผลให้ทวิตเตอร์เติบโตขึ้น เพราะ “ถ้าคุณอ่านไม่ออก คุณก็ไม่สามารถทวีตได้!”


ที่มา link

วันพุธที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2553

ข่าวสารประจำสัปดาห์ที่ 8

ทักษิณ ชินวัตร กับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เปิดศึกออนไลน์ใน twitter



แม้ว-มาร์ค” เริ่ม ศึกออนไลน์ สู้กันในทวิตเตอร์ (ไทยรัฐ)

ศึกแย่งชิงมวลชนระหว่าง “ทักษิณ ชินวัตร – อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ได้เปลี่ยนแนวรบเข้าไปในโลกไซเบอร์แล้ว ทวิตเตอร์ทั้งคู่ต่างอัพเดทกันอย่างน่าสนใจ โดย

เฉพาะ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” บอกให้แฟนๆ รอดูเฉลยว่าใครเป็นคนทำ ทวิตเตอร์ twitter ให้ ในวันนี้

ที่รัฐสภา เมื่อวานนี้ (27 กรกฎาคม) นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงบิ๊กเซอร์ไพรส์ของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า เป็นเพราะมาจากการที่กลุ่มประเทศยูเออี ไม่ยินยอมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เคลื่อนไหวโจมตีหรือบ่อนทำลายประเทศไทย พ.ต.ท.ทักษิณ จึงเปลี่นแนวทางมาเป็นเสนอโครงการขายสินค้าโอทอป และเรื่องต่างๆ ทั้งที่โครงการเหล่านี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว ส่วนกรณีจะใช้สถานีโทรทัศน์ 100 ช่องมาดำเนินการในเรื่องนี้โดยอาศัยช่องว่างของกฎหมาย หากไม่มีการปลุกระดมหรือสร้างความแตกแยก ก็เป็นเรื่องที่ กทช.จะพิจารณา แต่ถ้าเข้าข่ายยั่วยุ รัฐบาลจะไม่ยินยอมให้ดำเนินการอย่างเด็ดขาด

นพ.บุรณัชย์ กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบข้อความที่นายกรัฐมนตรีเข้าไปอวยพรให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ในเว็บไซต์ทวิตเตอร์และเฟซบุ๊คนั้น เป็นการดำเนินการของเครือข่ายของนายกรัฐมนตรีที่เจตนาดี และใช้คำพูดของนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่พูดในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ เข้าไปอวยพรให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้มีเจตนาหรือแอบอ้างให้เกิดความสับสน ซึ่งเครือข่ายดังกล่าวไม่ได้มีเงินเดือน แต่จะทำงานในลักษณะเครือข่ายอาสาสมัคร ที่จะเข้ามาช่วยดูแลเว็บบอร์ดต่างๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการเข้าไปสังเกตการณ์ในเว็บไซต์ทวิตเตอร์ twitter ทั้งของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พบว่ามีความเคลื่อนไหวอัพเดทข้อมูล โดยมีคนเข้าไปเยี่ยมชม และโพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก

โดยที่ Thaksinlive ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับบิ๊กเซอร์ไพรส์ ว่า “สำหรับ 3 โครงการที่ผมบอกไปเมื่อวาน ทุกท่านมีความเห็นอย่างไรครับ และอยากให้ผมช่วยเหลือประเทศชาติเรื่องไหนอีก ลองมาคุยกันครับ” ซึ่งก็มีผู้แสดงความคิดเห็นอย่างหลากหลาย รวมถึงอวยพรวันเกิด ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบกลับมาว่า “ขอบคุณครับ สำหรับคำอวยพรและกำลังใจที่มีให้ผม ถึงวันนี้ผมจะเหนื่อยกาย แต่ผมอยากเห็นคนไทยมีความสุข ขอบคุณครับ”

นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้โพสต์รูปถ่ายของตัวเองตามสถานที่ต่างๆ ในต่างประเทศ และบอกว่าเป็นฝีมือการถ่ายภาพของนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย

ขณะที่ ทวิตเตอร์ของ นายอภิสิทธิ์ PM_Abhisit นั้น ได้โพสต์เกี่ยวกับคำถามว่าทวิตเตร์ดังกล่าว นายอภิสิทธิ์ทำเอง หรือมีทีมงานทำให้ โดยได้โพสต์ว่า “ย้ำอีกครั้งนะครับ รอพบกับรายละเอียดเฉลยคำตอบของ twitter@PM_Abhisit ได้ที่นี่พรุ่งนี้ครับ” และบอกว่า ทวิตเตอร์ดังกล่าวเป็นการเปิดช่องทางสื่อสารโดยตรงกับประชาชนในส่วนของ Direct Messages@PM_Abhisit จะเริ่ม follow กลับทุกคนตั้งแต่ 18.00 น. นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นอกจากนี้ ยังมีการสำรวจความคิดเห็น หรือทวิตโพล ว่า “คุณคิดว่าใครพิมพ์ twit ให้ @PM_Abhisit ซึ่งปรากฏว่า ส่วนใหญ่ 47% เห็นว่าเป็นเลขาฯ รองลงมาคือ @PM_Abhisit พิมพ์เองแน่นอน 17% ลูกพรรค 13% แฟนคลับ 12% ลูกสาว 7% และ bot หรือโปรแกรมอัตโนมัติ 4%


ที่มา link